บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดนเมืองทอง ยำคาบ้าน 2-3

ศึกเอลกลาซิโก้เวอร์ชั่นไทยลีก ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับเมืองทอง สองขั้วมหาอำนาจที่ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กันมาโดยตลอด เดินทางมาถึงแล้วในสัปดาห์นี้ แม้ว่าในฤดูกาลนี้จะต่างออกไป เนื่องจากในเวลานี้ทั้งสองทีมอยู่ในโซนกลางตาราง
สำหรับบุรีรัมย์มาในระบบ 4-3-3 พร้อมเดินเกมบุก ศศลักษณ์ ไหประโคน กลับมาสนามอีกครั้งหลังบาดเจ็บไปนาน ส่วนศุภรัฐ เหมือนตา บาดเจ็บไม่มีชื่อ ขณะที่ศุภโชค สารชาติ เป็นตัวสำรอง ส่วน เมืองทอง ของโค้ชโอ้ มาในระบบ 4-2-3-1 เน้นการเล่นแบบรัดกุม
ครึ่งแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เล่นได้ดีทำให้เมืองทองเสียบอลกลางสนามบ่อยครั้ง

จนกลายเป็นจังหวะโต้กลับของบุรีรัมย์ แต่ยิงไม่ได้เอง ภาพรวมในช่วง 20 นาทีแรก เจ้าบ้านจึงหนือกว่าแบบที่ทีมเยือนไม่ได้บุก จนกระทั่งจังหวะประตูขึ้นนำของบุรีรัมย์ มาจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของ ศฤงศาร แนวรับของเมืองทอง ที่สกัดบอลไม่เต็มเท้า จึงโดนเชโปวิชยิง
ตามแท็กติกในเวลานั้นทุกอย่างเข้าทางบุรีรัมย์ แต่จังหวะในนาทีที่ 35 เมืองทองได้ประตูจากจังหวะฟรีคิก และเป็นโรช่า ที่ขึ้นโหม่งแบบไร้ตัวประกบ ความได้เปรียบที่เจ้าบ้านมีจึงหมดไป เมืองทอง จึงกลับคืนสู่เกม

ครึ่งหลังเมืองทองเสียบอลกลางสนามน้อยลง โอกาสบุกของ บุรีรัมย์ จึงน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งการเปลี่ยนตัวเอา ศุภโชค สารชาติ ลงมา ทำให้บอลไปถึงแดนสุดท้ายและได้จบ แต่ยิงกันไม่ได้เอง ฟอร์มการเล่นของเช็ค จึงจัดได้ว่าโดดเด่นว่าโควต้าต่างชาตที่ทีมมีเสียอีก
ศุภชัย ใจเด็ด ถึงเวลาต้องดรอปเป็นตัวสำรองเสียที เพราะฟอร์มออกทะเลจนเกินเยียวยา ครึ่งแรกได้หลุดทางกราบขวา สามารถจ่ายได้ แต่เลือกยิงเองด้วยน้ำหนักที่เบาและไม่ได้ทิศทาง ครึ่งหลังได้ยิงจ่อๆ มีเวลาได้เลือกจับและแต่งบอล แต่ก็ยิงได้เบาน่าเกลียด ไม่สร้างความอันตรายแก่แนวรับเมืองทอง อีกทั้งยังทำให้ทีมเสียจุดโทษแบบไม่จำเป็น

สถานการณ์จากนี้ของบุรีรัมย์ เหนื่อยกับการลุ้นพื้นที่ฟุตบอลถ้วยเอเชีย อีกทั้งควรมีแนวทางดรอปผู้เล่นอย่างที่กล่าวไป เพราะหากยังดื้อดึงมอบโอกาส อาจเสียหายต่อทีมและตัวนักเตะ ส่วนฝั่งเมืองทอง นี้เป็นการเก็บชัยชนะ 2 นัดรวด ยังพอมีลุ้นเล็ก ๆ กับพื้นที่ฟุตบอลถ้วยเอเชีย ขณะเดียวกันอาจต้องปรับในเรื่องของความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรเกิดขึ้นในเกมใหญ่เช่นนี้